กาแฟสำเร็จรูป รุ่นไหนดี 7 อันดับ ที่น่าซื้อ อัพเดทล่าสุดปี 2567

สายช้อปทั้งหลายกำเงินในมือแน่นๆ แล้วไปเตรียมช้อปกันเล้ยย สุดคุ้ม ดีลที่ดีที่สุดมาแล้ว ช้อปเพลินๆ สินค้าลดราคา สูงสุดและคูปองลดมากมาย ดีลสุดพิเศษ
ราคาเด็ดถุกใจลุกค้าแน่นอน ราคาที่ไม่แพง เราอยากนำเสนอ กาแฟสำเร็จรูป  สินค้ากับร้านที่เราแนะนำ  ราคาถูกที่สุดเท่าที่เคยได้ยินมา สั่ง กาแฟสำเร็จรูป  ไป ราคาถูกจนไม่น่าเชื่อ สินค้าใส่ซองกันกระแทกมาตอนจัดส่งให้ด้วย ส่งเร็วทันใจ คุณภาพเยี่ยมพอดีเห็น ราคาน่าจะลดลง สินค้าดีๆ ราคาถุก ส่งทางไปรษณีย์หรือไม่ก็ทางหน่วยจัดส่ง คุณภาพเกินราคา ตอนนี้ลองใช้มาซักพักใช้ได้ดี ไม่มีความเสียหายไดๆจากการขนส่ง

     คุณรู้หรือไม่? ว่าปัจจุบันนี้"กาแฟสำเร็จรูป"นั้นโดยมีทั้ง กาแฟสำเร็จรูป แล้วแบบนี้คุณจะทราบได้อย่างไรว่าในแต่ละรุ่นหรือประเภทนั้นมีความแตกต่างกันอย่างไร? หรือกาแฟสำเร็จรูป ยี่ห้อไหนดี? ราคาแพงไหม? ดังนั้นหากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังมองหากาแฟสำเร็จรูปดีๆสักรุ่น วันนี้เราได้จัดอันดับ แนะนำ กาแฟสำเร็จรูปคุณภาพดีมาให้คุณได้เลือกกันแล้วดังนี้

"กาแฟสำเร็จรูป" เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม ที่ทุกคนคุ้นเคยและได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องมาตลอด เพราะสามารถชงดื่มเองได้ง่าย มีรสชาติอร่อยกลมกล่อม ถูกอกถูกใจคอกาแฟหลายต่อหลายคน ด้วยความที่รูปแบบกาแฟไม่มีกำหนดตายตัว ก็เลยทำให้กาแฟในปัจจุบันไม่ได้มีเพียงแค่กาแฟร้อนเท่านั้น แต่ยังมีกาแฟสำเร็จรูปอีกหลายประเภทให้เลือก ทั้งแบบเย็น, แบบใส่นม รวมไปถึงกาแฟที่ปราศจากส่วนผสมของสารคาเฟอีนอยู่ด้วยก็มี แถมในท้องตลาดก็ยังมีแบรนด์ชื่อดังมากมายให้เราได้เลือกซื้อ ไม่ว่าจะเป็น NESCAFÉ, Birdy, Moccona, Tchibo, เขาช่อง ที่เยอะจนเลือกไม่ถูกเลยก็ว่าได้


ดังนั้นเพื่อให้คอกาแฟได้ค้นพบกลิ่นหอมกรุ่นกับรสชาติที่ใช่ ในบทความวันนี้ทางทีมงานก็เลยรวบรวมข้อมูลที่น่าสนใจ เพื่อนำมาแชร์และแนะนำผลิตภัณฑ์กาแฟสำเร็จรูปยอดนิยมทั้ง 10 อันดับกันค่ะ ! ว่าแต่ว่าข้อมูลเบื้องต้นในการเลือกซื้อกาแฟที่ทั้งอร่อยถูกใจ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของแต่ละคนจะน่าสนใจแค่ไหนนั้น ขอเชิญเกาะติดขอบจอแล้วไปดูพร้อม ๆ กันเลยค่ะ


อย่างแรกเลย เรามาดูกันก่อนว่าหลักในการเลือกกาแฟสำเร็จรูปให้ถูกใจทั้งรสชาติ และตอบโจทย์การใช้ชีวิตของเราได้ดีนั้น มีหลักอะไรที่ต้องพิจารณาบ้างค่ะ

ซึ่งก่อนที่จะตัดสินใจเลือกซื้อกาแฟจากรสชาติและกลิ่นที่ชอบ การพิจารณาถึงรูปแบบบรรจุภัณฑ์ให้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์และรูปแบบการใช้งานของแต่ละคนก็เป็นหัวข้อหลัก ๆ ในการเลือกซื้อด้วย โดยกาแฟสำเร็จรูปจะแบ่งตามบรรจุภัณฑ์ออกได้เป็น 2 ประเภท คือ ประเภทขวด และ ประเภทซอง ซึ่งมีความแตกต่างกันดังนี้ค่ะ

เสน่ห์ของแบบบรรจุขวด คือ คุณสามารถกำหนดปริมาณและปรับความเข้มของกาแฟได้เองตามใจชอบ และเมื่อหมดขวดแล้ว ยังสามารถซื้อแบบถุง Refill มาเติมอีกได้เรื่อย ๆ ด้วย ซึ่งแบบ Refill ส่วนใหญ่ก็จะมีราคาที่ถูกลง ช่วยประหยัดได้มากขึ้น ทั้งยังช่วยให้คุณเพลิดเพลินกับกาแฟได้ทุกวันโดยไม่ขาดตอนเลยค่ะ

สำหรับจุดเด่นอีกอย่างหนึ่งแบบขวดก็คือ ขวดมักจะรูปทรงเก๋ไก๋วางจำหน่ายอยู่มากมาย และยังสามารถนำเก็บเข้าตู้เย็นได้ด้วย แต่ทั้งนี้ ถ้าคุณลืมปิดฝาหรือปิดฝาไม่สนิทล่ะก็ อาจเป็นเหตุทำให้กาแฟเสียรสชาติได้ค่ะ และเพื่อป้องกันปัญหาจากการปิดฝาไม่สนิทนี้ เราขอแนะนำให้เลือกขวดกาแฟแบบที่ฝาด้านในมีรูช่องว่างตรงกลางค่ะ


อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะระมัดระวังในการเก็บรักษามากแค่ไหน แต่รสชาติและกลิ่นของกาแฟอาจเสื่อมคุณภาพลงได้ตามระยะเวลาที่เก็บไว้ ดังนั้น หากคุณเป็นคนที่ไม่ค่อยดื่มกาแฟบ่อยเท่าไหร่ หรือนาน ๆ ครั้งจะดื่มที ขอแนะนำให้คุณเลือกซื้อแบบขวดเล็ก หรือเปลี่ยนไปซื้อกาแฟแบบซองที่มีปริมาณน้อยจะดีกว่าค่ะ

สำหรับกาแฟแบบซองนี้ ต้องบอกเลยว่าเป็นบรรจุภัณฑ์ที่สะดวกต่อการใช้งานมาก ๆ เพราะนอกจากจะชงง่าย เอาไว้ดื่มชิล ๆ ที่บ้านแล้ว ยังสามารถพกพาไปดื่มที่ออฟฟิศ หรือพกติดตัวตอนไปเที่ยวได้อีกด้วย แถมกาแฟที่อยู่ในซองเหล่านี้ มีข้อดีที่จะไม่สัมผัสกับอากาศโดยตรง จึงไม่ต้องคอยกังวลว่ารสชาติและกลิ่นจะเปลี่ยนไป ฉะนั้น สำหรับคนที่ไม่ค่อยดื่มกาแฟ หรือไม่ค่อยมีเวลา กาแฟแบบซองก็นับว่าตอบโจทย์ได้ดีไม่น้อยเลยค่ะ



แต่จะว่าไป แบบซองก็ยังมีข้อเสียอยู่เล็กน้อยเช่นกัน เพราะสัดส่วนในซองที่ถูกกำหนดมาแล้ว ทำให้ไม่สามารถกำหนดปริมาณในการชงกาแฟที่ต้องการต่อ 1 ครั้งได้ รวมถึงไม่สามารถปรับความเข้มของกาแฟได้ตามใจชอบ และเมื่อเทียบปริมาณและราคา แบบแก้วต่อแก้วกับกาแฟสำเร็จรูปแบบบรรจุขวดดูแล้ว แบบซองถือว่ามีราคาสูงกว่าเยอะทีเดียวค่ะ ซึ่งถ้าหากคุณดื่มกาแฟมากกว่า 2 แก้วต่อวัน การเปลี่ยนไปเลือกแบบขวด ก็จะตอบโจทย์ความคุ้มค่าได้ดีกว่านั่นเอง


แต่หากใครที่ยังคงสนใจข้อมูลวิธีการเลือกกาแฟแบบซองโดยเฉพาะ เราเคยเขียนอธิบายในบทความทางด้านล่างนี้ไว้แล้ว พร้อมกับแนะนำกาแฟแบบซองยอดนิยมเอาไว้ให้ด้วย ไปลองติดตามกันได้ค่ะ

เมื่อเลือกได้บรรจุภัณฑ์ที่ตรงการใช้อย่างคุ้มค่าแล้ว คราวนี้ลองมาดูที่เคล็ดลับสำคัญในการเลือกกาแฟตามรสชาติและกลิ่นหอม ๆ ในแบบฉบับของคอกาแฟกันบ้างดีกว่าค่ะ

"กาแฟเปรี้ยว" เป็นคำที่หลายคนให้ความสนใจและนับว่ามีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อมากที่สุดเลยก็ว่าได้ โดยรสเปรี้ยวนั้นมีที่มาจากระดับของการคั่วเมล็ดกาแฟ ซึ่งแบ่งออกเป็น 8 ระดับ ตั้งแต่การคั่วอ่อนที่สุดไปจนถึงระดับที่เข้มที่สุด โดยการคั่วอ่อนจะให้รสชาติที่เปรี้ยว และมีความขมน้อยกว่า ส่วนการคั่วเข้มนั้นจะให้รสชาติที่เปรี้ยวน้อยกว่า แต่จะขมเป็นพิเศษนั่นเอง


โดยส่วนใหญ่แล้ว กาแฟสำเร็จรูปที่วางขายกันในท้องตลาดจะเป็นกาแฟเบลนด์ ซึ่งก็คือ การนำเมล็ดกาแฟหลาย ๆ ชนิดที่อาจจะมีระยะเวลาคั่วต่างกันมาผสมรวมกันในสัดส่วนที่เหมาะสม ดังนั้น คำกล่าวที่ว่า “รสชาติของกาแฟขึ้นอยู่กับระยะเวลาในการคั่วไม่ได้ขึ้นอยู่กับแหล่งกำเนิดของเมล็ดกาแฟ” ก็ไม่ใช่คำกล่าวที่เกินจริงแต่อย่างใด ดังนั้น เวลาเลือกซื้อควรจะเลือกให้ตรงกับความต้องการว่าคุณชอบกาแฟรสชาติแบบไหน ถ้าชอบรสออกเปรี้ยว ๆ ก็คั่วอ่อน แต่ถ้าชอบแบบขม ๆ เข้ม ๆ ล่ะก็ ต้องจัดแบบคั่วเข้มไปเลย

แต่ความสุขของคอกาแฟก็ใช่ว่าจะจบที่รสชาติเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เพราะกลิ่นหอมของกาแฟเองก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะหากคอกาแฟทุกคนถ้าได้กลิ่นหอม ๆ มาเตะจมูกทีไร เชื่อได้เลยว่าคงจะอดใจไม่ไหวกันแน่นอน ซึ่งกลิ่นหอมเหล่านี้ก็มีที่มาที่ไปที่น่าสนใจมากค่ะ เพราะกลิ่นของกาแฟจะแตกต่างกันไปตามสายพันธุ์ของเมล็ดกาแฟ แม้แต่คอกาแฟเองบางทีก็สัมผัสกลิ่นได้ไม่เหมือนกันทุกคน แต่ที่แน่ ๆ คือ เมล็ดกาแฟสดจะมีกลิ่นที่หอมหวล ส่วนเมล็ดกาแฟที่เก่าแล้ว กลิ่นหอมก็จะลดลงตามกาลเวลาค่ะ


อย่างไรก็ตาม กลิ่นที่ว่ามานั้นก็คงไม่มีทางทะลุซองออกมาให้ทุกคนได้ดมกันอย่างแน่นอน ดังนั้นเราจึงไม่อาจรู้ได้เลยว่ากาแฟที่เราเล็งไว้นั้นจะมีกลิ่นหอมหวลชวนหลงใหลแค่ไหน ถ้าไม่ได้ลองดื่มจริง ๆ ดังนั้น แนะนำให้ลองดื่มกาแฟแบบซองที่มีรสชาติและกลิ่นให้เลือกอย่างหลากหลายดูก่อน รวมถึงอ่านรีวิวจากเว็บไซต์ต่าง ๆ เพื่อค้นหากาแฟที่เหมาะกับรสนิยมของคุณกันค่ะ

สำหรับวิธีเพลิดเพลินกับการดื่มกาแฟ ไม่ได้มีเพียงแค่การดื่มกาแฟดำชงร้อน ๆ อย่างเดียวเท่านั้น หลายคนยังสามารถเติมน้ำแข็งลงไปให้กลายเป็นเมนู "Ice Coffee" (กาแฟเย็น) หรือจะใส่นมลงไปให้เป็นเมนู "Cafe Au Lait" (กาแฟใส่นม) ก็ย่อมได้ค่ะ


ในปัจจุบัน ได้มีการวางขายผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสำหรับการชงกาแฟเมนูต่าง ๆ เช่น "Ice Coffee" หรือ "Cafe Au Lait" อยู่มากมาย เพื่อให้ผู้ที่สนใจหรืออยากลองเปลี่ยนสไตล์การดื่มแบบเดิม ๆ โดยหันไปเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่ชงเมนูอื่นได้หลากหลายดูบ้าง ซึ่งถือเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจทีเดียว ทั้งนี้ การสังเกตว่ากาแฟ ที่เราเลือกสามารถทำอะไรได้บ้าง ส่วนใหญ่จะมีคำแนะนำหรือคำอธิบายสินค้าบอกไว้ที่ซองหรือบนฉลากให้เห็นชัดเจนเลยค่ะ


นอกจากนี้ กาแฟเย็นสำเร็จรูป หรือ Ice Coffee ยังมีแบบที่ชงได้เลยโดยนำไปละลายในน้ำเย็นได้ในทันที ไม่ต้องเสียเวลาต้มน้ำร้อนแล้วไปเติมน้ำแข็งหรือแช่เย็นทีหลังเลยค่ะ ขั้นที่ว่าใครที่ชอบดื่มกาแฟเย็นเป็นประจำล่ะก็ ต้องห้ามพลาดที่จะมีติดบ้านไว้เลยค่ะ!

วิธีการผลิตกาแฟสำเร็จรูปมีอยู่ 2 วิธี คือ แบบ “Spray Dried” และ “Freeze Dried” นอกจากรูปร่างหน้าตาจะไม่เหมือนกันแล้ว รสชาติของกาแฟ กลิ่น รวมถึงราคาก็จะแตกต่างกันด้วยค่ะ เราไปดูพร้อมกันดีกว่าว่า การผลิตทั้งสองประเภทนี้มีอะไรที่แตกต่างกัน

วิธีการผลิตแบบ Spray Dried ในแบบแรกนี้ เป็นแบบที่มักจะใช้กับกาแฟสำเร็จรูปที่มีราคาย่อมเยา เพราะกระบวนการผลิตไม่ซับซ้อนและสามารถผลิตได้ในปริมาณมาก โดยใช้การพ่นน้ำกาแฟให้เป็นฝอยละเอียดผ่านอากาศ และใช้อุณหภูมิที่สูงจนทำให้น้ำกาแฟระเหยกลายเป็นผง ซึ่งจุดเด่นของการผลิตในลักษณะนี้คือ จะทำให้ได้ผงกาแฟที่มีความละเอียดสูง สามารถละลายน้ำได้ง่าย แต่ก็ตามาด้วยข้อเสียที่ทำให้กลิ่นหอมและรสชาติของกาแฟในแบบที่ควรจะเป็นจางหายไปได้ง่ายด้วยเช่นกัน

ในวิธีการผลิตแบบ Freeze Dried จะเป็นการนำน้ำกาแฟเข้มข้นไปแช่แข็งในอุณหภูมิที่ต่ำกว่า -40℃ ภายใต้ความดันสูงจนเป็นเกล็ดแข็ง โดยผลลัพธ์จากกระบวนการสุดพิถีถิถันนี้ ก็คือข้อดีที่เกล็ดของกาแฟยังคงรสชาติและกลิ่นหอมแบบดั้งเดิมของกาแฟไว้อย่างดี ทำให้คุณได้เพลิดเพลินไปกับความหอมกรุ่นสดใหม่ เหมือนนั่งอยู่ในไร่กาแฟไม่มีผิด แต่เนื่องจากกระบวนการผลิตค่อนข้างซับซ้อน จึงทำให้กาแฟสำเร็จรูปที่ผลิตด้วยกรรมวิธีแบบนี้ ส่วนใหญ่จะมีราคาค่อนข้างสูงนั่นเองค่ะ

มาต่อด้วยสายพันธุ์ของเมล็ดกาแฟกันบ้าง ที่พูดได้เลยว่าคอกาแฟทุกคนก็คงจะทราบกันดีว่าสิ่งนี้ให้สัมผัสที่แตกต่างกันพอสมควร โดยสามารถแบ่งออกเป็น 3 ชนิดใหญ่ ๆ ได้แก่ Arabica, Robusta และ Liberica


Arabica เป็นสายพันธุ์ที่นิยมปลูกและบริโภคมากที่สุดในโลก เนื่องจากไม่ค่อยทนต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ทำให้เมล็ดกาแฟส่วนมาก มักพบแหล่งปลูกในภูมิภาคเขตร้อนที่ระดับความสูง 1,000 - 2,000 เมตร แต่กว่าจะเก็บเกี่ยวได้ก็ค่อนข้างลำบากมากทีเดียว กาแฟพันธุ์ Arabica จะมีกลิ่นหอม รสชาติกลมกล่อม มีจุดเด่นที่อุดมไปด้วยกรดหลากหลายชนิด จนทำให้มีรสเปรี้ยวที่ซับซ้อนเฉพาะตัว ไม่ว่าจะดื่มแบบสเตรท (ใช้กาแฟพันธุ์ Arabica แท้ 100% ที่มีแหล่งปลูกเดียวกัน) หรือดื่มแบบเบลนด์ (นำสายพันธุ์อื่นของมาผสมกัน) ก็ได้รสชาติที่ยอดเยี่ยมเช่นกันค่ะ


Robusta เป็นสายพันธุ์ที่ทนต่อสภาพอากาศและสามารถปลูกได้ที่ระดับความสูง 300 - 1,000 เมตรโดดเด่นตรงรสชาติที่ขมเข้ม มีกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ แต่ถ้าดื่มกาแฟสายพันธุ์นี้แบบสเตรท จะได้รสชาติที่ขมคอและฝาดอย่างรุนแรง ด้วยเหตุนี้เองทำให้สายพันธุ์นี้มักจะนำไปดื่มแบบเบลนด์มากกว่า นอกจากนี้ ยังเป็นสายพันธุ์ที่มีคาเฟอีนมากกว่า Arabica ถึง 2 เท่า จึงเหมาะกับผู้ที่ชอบดื่มกาแฟรสชาติเข้มข้น ช่วยปลุกคุณให้ตื่นพร้อมทำกิจกรรมในแต่ละวันค่ะ


Liberica มีต้นกำเนิดมาจากแอฟริกา ซึ่งจะมีคุณภาพไม่ดีเทียบเท่ากับสายพันธุ์อื่นนัก จึงมักถูกนำไปใช้โดยผสมกับเมล็ดชนิดอื่นซะเป็นส่วนมาก แม้ว่าสายพันธุ์นี้จะเป็นที่นิยมในแถบยุโรปบ้าง แต่ในท้องตลาดเอง ยังไม่เป็นที่แพร่หลายเท่าไหร่ จึงเป็นเรื่องน่าเสียดายที่เราจึงไม่ค่อยได้เห็นเมล็ด Liberica นี้ในไทย อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันมีการจำหน่ายเมล็ดกาแฟสายพันธุ์ต่าง ๆ ที่นำมาจากต่างประเทศทางออนไลน์อยู่พอสมควรเลย สำหรับใครที่สนใจอยากลอง Liberica ล่ะก็ ขอแนะนำในลองค้นหาผ่านทางร้านค้าออนไลน์ดูนะคะ

หากคนเป็นหนึ่งในคนที่ชอบดื่มกาแฟ แต่มีความกังวลในเรื่องของคาเฟอีนจนทำให้ดื่มไม่ได้มากเท่าที่ใจอยาก แนะนำให้ลองเลือกกาแฟที่มีคาเฟอีนต่ำ หรือที่เรียกว่า กาแฟแบบดีแคฟ (Decaf) จะช่วยมากทีเดียว ทั้งนี้ แม้จะเห็นบนฉลากว่าเป็นดีแคฟแต่ก็อย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจไป เพราะกาแฟที่มีคาเฟอีนต่ำนั้นจะมีส่วนผสมที่แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสูตรหรือกระบวนการของแต่ละแบรนด์ ดังนั้น ขอให้อ่านฉลากและตรวจสอบส่วนผสมอย่างละเอียดก่อนซื้อด้วยนะคะ


นอกจากนี้ ในปัจจุบันก็ไม่ได้มีเพียงแค่แบบคาเฟอีนต่ำเท่านั้น แต่ยังมีกาแฟสำเร็จรูปแบบที่ไม่มีคาเฟอีนเลยวางจำหน่ายด้วย ซึ่งใครที่อยากหันมาลองดื่มกาแฟ หรืออยากดื่มมากขึ้นต่อวัน ก็ลองหาข้อมูลกาแฟลักษณะนี้เพิ่มเติมกันดูนะคะ เผื่อจะเป็นอีกหนึ่งไอเดียในการเลือกซื้อกาแฟสำเร็จรูปให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คุณได้มากขึ้นค่ะ

หลังจากอ่านวิธีการเลือกมาสักพักก็เริ่มรู้สึกง่วงกันแล้วใช่ไหมล่ะคะ งั้นเราขอเปลี่ยนบรรยากาศมาแนะนำกาแฟสำเร็จรูปทั้ง "ประเภทขวด" และ "ประเภทซอง" ดีกว่า เผื่อจะช่วยให้คอกาแฟทั้งหลายรู้สึกกระปรี้กระเปร่ามากขึ้น มาดูกันเลยค่ะว่า มียี่ห้อไหน ประเภทไหนถูกใจคอกาแฟตัวยงกันบ้าง!

กาแฟสัญชาติญี่ปุ่นขวดนี้ ถูกใจคอกาแฟชาวไทยจนต้องยกนิ้วให้เลยค่ะ ด้วยรสชาติที่จัดจ้าน เข้มข้นถึงใจ มีกลิ่นหอมเข้มกระตุ้นให้ตื่น เพราะใช้เมล็ดกาแฟบราซิลเกรดพรีเมียม ที่มีรสชาติอมเปรี้ยวอยู่หน่อย ๆ เหมาะสำหรับคนที่ชอบดื่มกาแฟรสเข้ม แต่ถ้าใครอยากได้รสชาติกลมกล่อมขึ้นมาหน่อย ก็สามารถใส่ครีมเทียมหรือนมลงไปได้ นอกจากจะดื่มแบบร้อน ๆ แล้วสามารถเปลี่ยนเป็นเมนู Iced Coffee ก็เอาอยู่ รับรองว่าแก้วนี้อร่อยจนไม่อยากวางแก้ว ดื่มแล้วกระปรี้กระเปร่ายันเลิกงานแน่นอน

เป็นกาแฟรสขมถูกใจใครหลายคน ที่ผลิตจากเมล็ดกาแฟชั้นดีสายพันธุ์ Arabica จากประเทศบราซิลอีกหนึ่งยี่ห้อ ผ่านขั้นตอนสุดพิถีพิถันจนได้เกล็ดกาแฟที่มีกลิ่นหอมของกาแฟคั่วบดเฉพาะตัวเกินห้ามใจ มีจุดเด่นที่รสชาติเข้มข้น ให้ความขมอมเปรี้ยวนิด ๆ เหมือนกับได้ดื่มกาแฟสดเลยล่ะค่ะ แถมสูตรนี้ได้รับความนิยมจนต้องบอกต่อ จากผู้ที่หลงใหลในรสชาติของกาแฟแบบ Freeze Dried เป็นอย่างมาก นอกจากนี้ ยังทานได้ง่าย เพราะสามารถละลายได้ในทั้งน้ำร้อนและน้ำเย็นค่ะ

กาแฟแบรนด์คนไทย รสชาติเข้มข้นกลมกล่อม ที่ถูกปากคอกาแฟหลาย ๆ คนไม่น้อย แถมยังมีราคาย่อมเยาอีกด้วย ผลิตจากเมล็ดกาแฟไทยคุณภาพยอดเยี่ยม และมีกลิ่นหอมละมุนจากการคั่วบดอย่างดี ส่วนเรื่องรสชาติก็ให้สัมผัสความเป็นกาแฟแท้ ๆ ได้ถึงใจสุด ๆ เพราะสูตรนี้เขาใช้กาแฟสายพันธุ์ Robusta และเป็นสูตรที่มีกาแฟ 100% ไม่มีน้ำตาล ไม่ผสมครีมเทียมใด ๆ  เหมาะสำหรับคนชอบรสเข้ม ๆ สามารถดื่มได้ทั้งแบบร้อนและเย็น ซึ่งจะทำให้คุณรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันทีอย่างแน่นอน

ใครที่เป็นสายลาเต้ชอบแบบ Creamy หวานมัน ต้องถูกใจ 3in1 ตัวนี้แน่นอน กับกาแฟสายพันธุ์ Robusta แท้ ๆ ที่ผ่านการคั่วบดมาอย่างดี ทำให้ทุกครั้งที่เทน้ำร้อนลงไป จะได้กลิ่นหอมกรุ่นลอยอบอวลขึ้นมาจากแก้ว มีรสชาติอ่อน ๆ แบบหวานมันพอดี ดื่มง่าย นุ่มละมุนลิ้น ตอบโจทย์คนที่ไม่ชอบดื่มกาแฟรสเข้มมากนัก ที่สำคัญมาพร้อมซองแบบ "Easy Cut" ที่ใช้ง่าย ฉีกได้ตลอดแนว พกไปดื่มด่ำได้ทุกที่ทุกเวลาค่ะ อย่างไรก็ตาม ผลิตภัณฑ์นี้มีฟีนิลอลานีน ซึ่งผู้ที่มีภาวะฟีนิลคีโตนูเรียควรหลีกเลี่ยงนะคะ

อีกหนึ่งประเภทที่อยากแนะนำมาก ๆ สำหรับสายสุขภาพหรือคนที่ชอบดื่มกาแฟหลายแก้วต่อวันแล้วเจอปัญหาตาค้าง นอนไม่หลับ ลองดื่มกาแฟดีแคฟนำเข้าจาก USA ตัวนี้เลย ด้วยสูตร 99.7% Caffeine Free ที่สกัดเอาคาเฟอีนออก แล้วผ่านการคั่วแบบ Light Roast และก็ไม่ต้องกังวลเรื่องรสชาติไปค่ะ เพราะเขายังคงความเข้มข้นกลมกล่อมในแบบ Light ถึง Medium ได้อย่างลงตัว เพราะใช้เมล็ดกาแฟ 2 สายพันธุ์เกรดพรีเมียมที่รักษาความหอมได้เป็นอย่างดี เรียกได้ว่าดีต่อสุขภาพมากเลยทีเดียว

สำหรับ Boncafe ถือเป็นแบรนด์ที่ผลิตสินค้าด้านกาแฟมาเป็นเวลายาวนาน และยังเป็นกาแฟที่คาเฟ่ ร้านกาแฟ หรือโรงแรมนิยมเลือกใช้ไว้บริการลูกค้าอีกด้วย เพราะใช้เมล็ดกาแฟพันธุ์ Arabica แท้ 100% คุณภาพดีจากบราซิล โดยจุดที่น่าสนใจคือการใช้กรรมวิธีการคั่วระดับที่เข้มมาก จนได้กาแฟสายเข้มในแบบที่คอกาแฟต้องยกนิ้วให้เลยค่ะ แถมยังให้กลิ่นหอมอบอวล นุ่มละมุน ส่วนรสชาติกาแฟก็สดใหม่ ชงง่าย ไม่ว่าจะกดน้ำร้อนชงเองก็ง่ายดาย หรือจะละลายน้ำเย็นก็อร่อยเข้มข้นถึงใจสุด ๆ ค่ะ

หากจะพูดถึงกาแฟเอสเปรสโซที่มีความหอมและรสชาติเข้มข้นก็ต้องยกให้มอคโคน่าซองเขียวไปเลย เพราะทำจากเมล็ดกาแฟ 2 สายพันธุ์ คือ Arabica และ Robusta ซึ่งเป็นการผสาน 2 อารมณ์เข้าด้วยกันได้อย่างลงตัว ในสไตล์อิตาเลียน เมล็ดกาแฟผ่านการคั่วบดคุณภาพ ทำให้ได้กาแฟชนิดเกล็ดที่มีกลิ่นหอมยั่วยวน นอกจากนี้ ยังผสมครีมและน้ำตาลมาให้แล้ว จึงทำให้มีรสชาติเข้ม กลมกล่อม หวานมัน และไม่มีรสเปรี้ยวด้วยค่ะ ไม่ว่าจะชงไว้ดื่มตอนขับรถ หรือตอนนั่งทำงานก็ช่วยให้ตื่นตัวได้ดีมากค่ะ

กาแฟดำคุณภาพสุดพรีเมียมที่มีเนื้อเนียนละเอียดผ่านการคั่วบดถึง 10 เท่า ให้ความนุ่มนวลของรสชาติกาแฟเมื่อสัมผัสลิ้น พร้อมฟอง Crema สีทองที่ลอยอยู่เหนือรสชาติอันเข้มข้น ให้กลิ่นหอมที่ลอยฟุ้งไปทั่วแก้วเมื่อเทน้ำร้อนลงไป ด้วยเนื้อกาแฟที่มีความละเอียดทำให้ละลายน้ำได้อย่างรวดเร็ว ประหยัดเวลา ไม่ต้องคนแก้วรอนานเลยค่ะ นอกจากนี้ ยังมาด้วยรสชาติที่เข้มข้น แต่พอได้ความนุ่มของฟอง Crema เข้าไปก็ยิ่งเพิ่มความกลมกล่อมเหมือนมีบาริสต้าส่วนตัวมาชงให้เลยก็ว่าได้

กาแฟแบรนด์พรีเมียมนี้ นับว่าทำออกมาได้ชวนหลงไหลไปกับรสกาแฟจริง ๆ ค่ะ ผลิตจากเมล็ดกาแฟ Arabica จากแหล่งผลิตระดับโลก ผ่านเทคโนโลยีการผลิตแบบใช้ความเย็นจัด และสกัดคาเฟอีนออก ทำให้มีกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ รสชาตินุ่มนวล ดื่มง่าย ดื่มได้เพลิน ๆ ทั้งวัน เหมาะสำหรับคนที่ต้องการดูแลตัวเอง ชนิดที่ถ้าได้แก้วนี้ไปก็หมดห่วงเรื่องคาเฟอีนไปได้เลย นอกจากนี้ มีคำแนะนำเพื่อรสสัมผัสที่ชัดเจน ควรชงด้วยปริมาณกาแฟ 1 ช้อนชา ต่อน้ำร้อน 150 ml จากนั้นเติมน้ำตาลและครีมเทียมตามชอบได้เลยค่ะ

กาแฟ 3in1 ยอดนิยมที่เน้นความเข้มข้นลงตัวแบบครบสูตร ให้คุณดื่มด่ำไปกับรสชาติจากทั้งเมล็ดกาแฟ Arabica และ Robusta ที่ผ่านการคั่วบดอย่างละเอียดด้วยเทคโนโลยีพิเศษอย่าง ERA (Enchanced Recovery Aroma) ช่วยคงความหอมกรุ่นโดดเด่นได้เหมือนกาแฟสด พร้อมรสชาติที่มีความกลมกล่อม หวานมันอย่างลงตัวจากน้ำตาลและครีมเทียม สัมผัสนุ่มลิ้น ดื่มง่าย ลื่นคอ ทำให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่า สดชื่นและตื่นตัวไปพร้อมกัน ได้แก้วนี้เข้าไป ไม่ว่าจะเช้าหรือบ่ายก็ติดใจจนต้องขออีกแก้วเลยล่ะค่ะ

ขอแนะนำวิธีเพิ่มความอร่อยให้กับกาแฟสำเร็จรูปของคุณ หากคุณมีเวลาว่าง หรืออยากลองค้นหาความอร่อยแบบใหม่ในการดื่มกาแฟล่ะก็ ลองทำตามวิธีเหล่านี้เลยค่ะ !

สำหรับทริคที่น่าสนใจช่วยไม่ให้กาแฟตกตะกอนหรือจับตัวเป็นก้อน แนะนำให้ใส่ผงกาแฟสำเร็จรูปลงไปในแก้ว จากนั้นเติมน้ำหรือน้ำร้อนลงไปเล็กน้อย ค่อย ๆ คนจนผงกาแฟละลาย และค่อย ๆ เติมน้ำร้อนเข้าไปทีละนิด จะทำให้ได้กาแฟที่ไม่จับตัวกันเป็นก้อน แถมมีรสชาติกลมกล่อมแบบคาดไม่ถึงเลยค่ะ


เพิ่มเติมด้วยเคล็ดลับอีกข้อ นั่นก็คือการเติมด้วยน้ำร้อนจะทำให้รสชาติของกาแฟกลมกล่อมกว่าการใช้น้ำอุณหภูมิปกติค่ะ โดยขั้นตอนและองค์ประกอบการชงแบบที่ว่ามาทั้งหมดนี้ จะทำให้รสชาติของกาแฟเปลี่ยนไปอีกแบบ ซึ่งคอกาแฟอย่าลืมลองทำดูนะคะ

มาที่วิธีเพิ่มความขมกันบ้าง โดยการนำกาแฟสำเร็จรูปไปคั่วด้วยไฟอ่อนในกระทะประมาณ 1 นาทีครึ่ง หรือนำไปละลายน้ำแล้วต้มในหม้อประมาณ 3 นาที เพียงเท่านี้ก็จะได้กาแฟที่มีรสเปรี้ยวพร้อมกับความขมที่เพิ่มขึ้นแล้วค่ะ


ถึงแม้ว่าวิธีนี้อาจจะทำให้เสียเวลาในการล้างอุปกรณ์ไปบ้าง แต่ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่เราอยากแนะนำให้คุณได้ลองเพิ่มความอร่อยให้กับกาแฟสำเร็จรูปที่เก็บไว้นานแล้วดูค่ะ

แต่หากใครที่กำลังเบื่อกาแฟรสชาติเดิม ๆ ล่ะก็ ลองใช้วิธีเหล่านี้เพื่อสร้างรสสัมผัสที่แปลกใหม่ดูได้เลย เพียงแค่เติมชาบาร์เลย์หรือเกลือลงไปในกาแฟสำเร็จรูปก็สามารถเปลี่ยนรสชาติของกาแฟได้ค่ะ หากเติมชาบาร์เลย์ลงไปสัก 1 ช้อนชา ก็จะช่วยเพิ่มกลิ่นหอมของกาแฟให้มากขึ้น ราวกับดื่มกาแฟจากเมล็ดคั่วสดเลย


สำหรับการเติมเกลือขอให้เติมลงไปเพียงนิดเดียวเท่านั้น ก็จะช่วยเพิ่มรสชาติกลมกล่อม รวมถึงทำให้กาแฟมีรสหวานยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ก็ไม่อาจฟังธงได้ว่าทั้งสองวิธีนี้แบบไหนจะอร่อยกว่ากัน เพราะอยู่ที่สไตล์การดื่มและรสนิยมของแต่ละคนนั่นเอง

เพราะกาแฟแต่ละแบบก็มีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันไป ทั้งสายพันธุ์กาแฟ กลิ่นหอม และรสชาติ อยู่ที่ว่าคอกาแฟคนไหนจะถูกใจและชอบกาแฟแบบไหนมากกว่ากัน หากใครที่ชอบดื่มกาแฟเป็นชีวิตจิตใจ และอยากลิ้มลองรสชาติใหม่ ๆ เราขอแนะนำให้ลองกาแฟสำเร็จรูปหลาย ๆ แบบ แล้วค่อยตัดสินใจเลือกหากาแฟที่ตรงกับรสนิยมของคุณค่ะ


อาจกล่าวได้ว่ารสชาติที่กลมกล่อม กลิ่นหอมอบอวล ไปจนถึงคาเฟอีนที่ผสมอยู่ในกาแฟนั้น ทำให้หลาย ๆ คนติดใจดื่มเป็นประจำทุกวัน เพื่อช่วยกระตุ้นให้ร่างกายฟื้นจากอาการง่วงและความเมื่อยล้า แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดนอกเหนือจากการพึ่งพาคาเฟอีนแล้ว การพักผ่อนให้เพียงพอก็เป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่ร่ายกายของทุกคนต้องการ และควรดื่มกาแฟในปริมาณที่เหมาะสมต่อวันนะคะ