หนึ่งในปัญหาของสาวผิวผสมคือ “หารองพื้นที่เข้ากับตัวเองยาก” รุ่นนั้นก็ชุ่มชื้นไป ส่วนรุ่นนี้ก็แห้งเกิน รุ่นที่ผลิตมาเพื่อผิวผสมโดยเฉพาะก็แทบไม่มี เพราะสภาพผิวของคนส่วนใหญ่มีด้วยกัน 2 ลักษณะ คือ แห้งกับมัน สาวผิวผสมอย่างเรา ๆ เลยต้องมานั่งควานหารองพื้นที่ใช่ท่ามกลางผลิตภัณฑ์มากมาย ทำให้บางครั้งก็ได้ของดี แต่บางครั้งก็ผิดหวังกันไป และเพื่อไม่ให้เพื่อน ๆ ต้องเจอปัญหาเหล่านั้นอีก ในครั้งนี้ผู้เขียนได้เตรียมตัวช่วยมาให้แล้วค่ะ
ตัวช่วยที่ 1 คือ “วิธีการเลือก” โดยแต่ละขั้นตอนสามารถทำตามได้ง่าย ๆ ไม่ยุ่งยากเสียเวลา ส่วนตัวช่วยที่ 2 คือ “10 อันดับสินค้ายอดฮิตขายดี” ที่ผ่านการเปรียบเทียบทั้งราคา, คุณสมบัติและรีวิว เพื่อให้สาว ๆ ได้ประหยัดเวลาการเลือกซื้อของ ว่าแล้วก็อย่ารอช้า ไปตามอ่านกันเลยค่ะ!
ก่อนที่จะไปดูรองพื้นกัน สำหรับคนที่ยังไม่แน่ใจว่าผิวเราแบบนี้คือผิวผสมหรือเปล่า เรามีคำอธิบายลักษณะของผิวผสมให้อ่านกันตรงนี้ค่ะ
ผิวผสมคือการที่บนผิวหน้าของเรามีทั้งบริเวณที่ผิวแห่งและผิวมันอยู่ด้วยกัน โดยบริเวณ T Zone (หน้าผาก, จมูกและคาง) มักจะมีชั้นฟิล์มไขมัน (Sebum) ออกมามากและหน้าจะดรอปได้ง่าย ในขณะที่บริเวณแก้มมักจะแห้งกร้านแต่งหน้าแล้วชอบเป็นขุย การเลือกใช้รองพื้นที่ดีที่สุดคงหนีไม่พ้น การแยกใช้รองพื้นที่เนื้อแตกต่างกัน 2 ชนิดให้เหมาะกับสภาพผิวแต่ละส่วนค่ะ
ที่นี้มาถึงเวลาที่เราจะมาดูกันแล้วค่ะว่า ผิวผสมอย่างเรา ๆ สมควรใส่ใจและสังเกตุเรื่องใดในการเลือกซื้อรองพื้น เพื่อจะได้แต่งหน้าได้สวยเนี๊ยบไม่ไหลย้อยหรือหลุดลอกระหว่างวันนะคะ
แม้จะเรียกรวม ๆ ว่าเป็นสาวผิวผสม แต่ทว่าผิวของแต่ละคนก็ยังแตกต่างกันออกไปอีก บางคนอาจจะติดใจกับส่วนที่แห้งกร้านมากกว่า บางคนอาจจะอยากแก้ไขส่วนที่มัน ดังนั้นสิ่งสำคัญคือการเลือกรองพื้นให้เข้ากับลักษณะผิวตนเองค่ะ
บริเวณ T Zone แถวหน้าผากและจมูกที่ผิวมันมาก กับตรง บริเวณ U Zone (บริเวณคางทั้งหมด) แนะนำให้ใช้รองพื้นที่มีส่วนผสมเป็นน้ำมันอยู่น้อยอย่างรองพื้นแบบแป้ง ซึ่งจะช่วยควบคุมความมันและให้สัมผัสที่สบายผิว
เนื้อรองพื้นแบบแป้งมีด้วยกันหลายลักษณะ เช่น แบบอัดแข็งและแบบฝุ่น โดยเนื้อสัมผัสอัดแข็งหรือแป้งพัฟจะให้การปกปิดที่สูงกว่า ในขณะที่แบบฝุ่นหรือ Loose Powder จะบางเบาสบายผิว และให้ฟินิชลุคที่เป็นธรรมชาติมากกว่า สาว ๆ ลองเลือกให้เหมาะกับตัวเองกันดูนะคะ
บริเวณที่ผิวค่อนข้างแห้งอย่างบริเวณแก้ม แนะนำให้ใช้รองพื้นที่มีส่วนผสมของน้ำมันมากขึ้น อย่างรองพื้นแบบลิควิดและรองพื้นแบบครีมค่ะ
แบบลิควิดจะเกลี่ยได้ง่าย ทาได้ในบริเวณกว้าง ปกปิดส่วนที่มีความแห้งกร้านได้ดี ในปัจจุบันก็มีรองพื้นที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากนั่นคือรองพื้นแบบคุชชั่นที่รวมเอารองพื้นลิควิดและพัฟไว้ในตลับเดียว ช่วยให้ทัชอัพหน้าได้ง่ายขึ้น เหมาะกับคนที่กลัวเครื่องสำอางหลุดลอกระหว่างวัน ส่วนรองพื้นแบบครีมมีความสามารถในการปกปิดรอยแดง รอยสิว หรือจุดตำหนิต่าง ๆ บนใบหน้าได้อย่างดีเยี่ยม ใครที่มีปัญหาดังกล่าวแนะนำให้ใช้รองพื้นชนิดนี้ค่ะ
สาวผิวผสมมีแนวโน้มที่หน้าจะมันบริเวณ T Zone และ U Zone ดังนั้นให้พยายามใช้รองพื้นที่ควบคุมความมันตรงผิวส่วนนั้น แนะนำให้ใช้รองพื้นแบบแป้ง หรือแบบลิควิดที่เป็นสูตร Oil Control เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวหน้ามันเงา เหนียวเหนอะหนะ และยังช่วยให้เครื่องสำอางไม่หลุดลอก ไม่ต้องคอยเติมหน้าบ่อย ๆ อีกด้วยค่ะ
“ยิ่งผิวมันยิ่งต้องเติมน้ำให้ผิว” นี่คือคำคมที่สาว ๆ ต้องจำให้ขึ้นใจ โดยเฉพาะคนที่มักเลือกรองพื้นโดยดูแค่รุ่นที่เลื่องลือกันว่าคุมมันดีเยี่ยมเพียงอย่างเดียว การทำอย่างนั้นอาจกำลังเร่งให้ตัวเองหน้าแก่เร็วอยู่ก็ได้!
เพราะสาเหตุที่ผิวมันอาจเกิดจากการที่ผิวด้านในขาดความชุ่มชื้น ทำให้ตามธรรมชาติต่อมไขมันใต้ผิวหนังของเราพยายามหลั่งน้ำมันออกมาเพื่อมอบความชุ่มชื้นและปกป้องผิว สาว ๆ จึงควรเลือกรองพื้นที่มีมอยส์เจอร์ไรเซอร์เพียงพอต่อผิว อย่างประเภทลิควิดหรือครีมเพราะมีผสมของน้ำมันอยู่ด้วย หากเลือกแบบแป้งก็พยายามหาสูตรที่มีส่วนผสมที่ให้ความชุ่มชื้นด้วยนะคะ
ผิวบริเวณหน้าผากหรือสันจมูกมักจะเป็นส่วนที่ได้รับผลกระทบการรังสี UV ก่อนใครเพื่อน ส่งผลให้เกราะป้องกันผิวเสื่อมลงจนเกิดอาการผิวแห้ง และในที่สุดก็เป็นสาเหตุให้ต่อมไขมันหลั่งไขมันออกมากเกินไป โดยเฉพาะในช่วงที่แสงแดดจ้าเราสมควรที่จะเลือกใช้รองพื้นที่มีส่วนผสมของสารกันรังสี UV ค่ะ
ส่วนระดับในการป้องกันรังสี UV นั้น สาว ๆ ควรเลือกรองพื้นที่มีสารกันแดดให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของตัวเอง ถ้าต้องเจอแดดต่อวันไม่มาก โดยครั้งละไม่นาน ให้เลือก SPF 10-20 แต่ถ้าต้องเจอมากกว่านั้นให้เลือกรุ่นที่มีค่า SPF ตั้งแต่ 30 ขึ้นไป และถ้าต้องออกกลางแจ้งตากแดดแรง แนะนำให้เลือกรุ่นที่มีค่า PA + เยอะ ๆ ด้วยนะคะ
แม้ว่าสภาพผิวผสมจะไม่ได้มีความมันหรือแห้งทั่วหน้า แต่ลักษณะดังกล่าวทำให้มีปัญหาผิวยิบย่อยต่าง ๆ ที่แก้ยากตามมา นั่นคือ “เป็นสิวที่หน้าผากง่าย” แต่ “แก้มแห้งลอกจนคัน” ซึ่งปัญหาเหล่านี้สามารถทวีความรุนแรงได้ง่ายมากหากใช้เครื่องสำอางที่มีสารเคมีรุนแรง ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยสาว ๆ จึงควรใช้รองพื้นแบบ Mineral กันนะคะ
หลายคนอาจจะงงว่า “Mineral คืออะไร” รองพื้นประเภทนี้ คือ รองพื้นที่มีส่วนผสมทั้งหมดจากแร่ธาตุธรรมชาตินานาชนิด ซึ่งส่วนมากมักปราศจากสารเคมีอันตราย จึงอ่อนโยนต่อผิว ทำความสะอาดง่าย ช่วยลดการขัดถูขณะเช็ดเมคอัพ แต่หลายคนมักไม่เลือกใช้เพราะติดภาพว่าให้การปกปิดน้อย อย่างไรก็ตามปัจจุบันหลายแบรนด์ได้พัฒนารองพื้น Mineral ให้มีประสิทธิภาพปกปิดได้ดีขึ้น ดังนั้นก่อนซื้อสาว ๆ ควรลองทดสอบด้วยตัวเองหรืออ่านจากรีวิวให้มากที่สุดดูนะคะ
รองพื้น LANCOME ขวดนี้ คือรองพื้นที่มีเนื้อแมตต์ที่สุดในโต๊ะเครื่องแป้งของเมย์เลย เนื้อบางเบาปกปิดได้ระดับกลาง คุมมันดีมาก ๆ เหมาะกับผิวผสมถึงผิวมัน ลงรองพื้นเดี่ยว ๆ ไม่ต้องเซตแป้งเลย
ในบางวันหากผิวเมย์แห้งมาก เมย์ก็จะผสมกับตัวอื่นให้มีความดิวอี้มากขึ้น แต่โดยรวมแล้วชอบเลยค่ะ ลงด้วยมือก็ได้ ผิวสวย หน้าไม่มัน เวลาใช้เพื่อนจะถามตลอดว่ารองพื้นของอะไรดูผิวดีมาก แต่ได้มาสีค่อนข้างขาวกว่าผิวเมย์ไปนิดนึงเลยจะผสมกับตัวอื่นที่สีเข้มเวลาใช้ค่ะ
ตอนนี้สาว ๆ คงอยากจะรู้กันแล้วว่ารองพื้นยี่ห้อไหนดีอย่างไร ว่าแล้วจะช้าอยู่ไย เราไปตามอ่านกันเลยค่ะ แต่อย่าลืมนะคะ เลือกสิ่งที่เหมาะกับตัวคุณมากที่สุด โดยอ้างอิงจากอันดับสินค้าเป็นรอง เพราะแต่ละคนมีลักษณะผิวและปัญหาปลีกย่อยที่แตกต่างกัน
โด่งดังกันไปแล้วกับรองพื้นแบบลิควิดของ Armani คราวนี้นำรองพื้นเนื้อครีมมาเสนอกันบ้างค่ะ ถึงบอกว่าเป็นเนื้อครีมแต่ก็ไม่ใช่เนื้อครีมธรรมดา เพราะหลังจากทาลงบนผิวเนื้อสัมผัสจากครีมจะเปลี่ยนไปเป็นเนื้อกำมะหยี่คล้ายเนื้อแป้ง อเมซซิ่ง!
วิธีการใช้ก็แค่ใช้พัฟในตลับตบ ๆ เนื้อครีมลงบนใบหน้า ฟินิชลุคที่ได้จะดูเป็นธรรมชาติ ปกปิดแบบ Full Coverage แต่ไม่มันวาว เนื้อรองพื้นเกาะผิวได้ดี ทำให้แต่งหน้าแล้วอยู่ติดทนนานทั้งวัน ที่สำคัญตลับสวยหรูนี้พกพาง่ายมาก ไม่ต้องกังวลว่าจะหกเลอะเทอะแน่นอน เสียตรงที่ราคาสูงแต่ไม่เน้นเกี่ยวกับสารบำรุงผิวมากมายอย่างที่คาดหวังค่ะ
หนึ่งในแป้งผสมรองพื้นอันโด่งดังที่ครองใจสาวผิวผสม รองพื้นมีเทคโนโลยี Anti-Shinesystem ยับยั้งการสร้างน้ำมันบนใบหน้า มาพร้อม Bio Compatible Complex ช่วยให้แป้งเนียนลื่นเกลี่ยง่าย ผสานด้วย Luminous Powder ช่วยเผยผิวกระจ่างใส ทั้งยังช่วยอำพรางรูขุมขนด้วย Pore Eraser และสร้างเกราะป้องกันให้ผิวจากรังสี UV ด้วยค่า SPF25 PA++
สาว ๆ ที่ใช้จริงชื่นชอบในเนื้อแป้งที่บางเบา ทาแล้วดูเป็นธรรมชาติ ให้การปกปิดระดับกลาง ควบคุมความมันได้ในระดับหนึ่ง ระหว่างวันสีไม่หมอง ติดทนนาน มีหลายเฉดสีให้เลือก ตอบโจทย์ทุกสีผิวของสาวไทย ที่สำคัญบรรจุอยู่ในตลับขนาดเล็กเหมาะแก่การพกพา มาในราคาน่าคบหา สำหรับนักเรียน-นักศึกษาถือเป็นรุ่นที่น่าสนใจเลยค่ะ
รองพื้นเนื้อลิควิดอีกรุ่นที่สาวผิวผสมหลายคนเลือกใช้ พิเศษด้วยเทคโนโลยี Multi Film Complex เนื้อครีมจึงเนียนลื่น เกลี่ยง่าย เนื้อบางเบา ปรับผิวให้ดูเรียบเนียน พร้อมให้การปกปิดในระดับกลาง-สูง ได้ฟินิชลุคผิวกึ่งแมตต์อย่างเป็นธรรมชาติ ควบคุมความมันได้ดี กันน้ำกันเหงื่อ ระหว่างวันสีไม่ดรอปและติดทนนาน
นอกจากนี้ยังปกป้องผิวจากรังสี UV ด้วยค่า SPF 30 และมีเฉดสีเหมาะกับสีผิวของคนไทยโดยส่วนใหญ่ แนะนำอย่างยิ่งสำหรับใช้แต่งหน้าเวลาไปออกงานเพราะช่วยกระจายแสงให้ใบหน้าขึ้นกล้องได้ดีเยี่ยม
ถือเป็นแป้งผสมรองพื้นตัวท็อปของแบรนด์ มีสาว ๆ หลายคนเลือกใช้ คุณสมบัติเด่นอยู่ที่เนื้อแป้งบางเบาแต่ปกปิดดี พร้อมผสานเทคโนโลยีช่วยควบคุมความมันได้ในระดับหนึ่ง นอกจากนี้ยังมีส่วนผสมของ Lauroyl Lysine ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้กับผิว ทำให้ผิวหน้าของคุณไม่แห้งหรือฉ่ำน้ำจนเกินไป และ Magnesium Myriststate ช่วยให้แป้งติดทนนาน
อีกหนึ่งจุดเด่นที่น่าสนใจคือแป้งรุ่นนี้สามารถสร้างฟินิชลุคได้ 2 ลุค ขึ้นอยู่กับวิธีการลงแป้ง ถ้าอยากได้การปกปิดสูงอย่างเป็นธรรมชาติ ให้ใช้พัฟชุบน้ำพอหมาดแล้วทาแป้ง แต่ถ้าอยากได้การปกปิดปานกลางฟินิชลุคผิวแมตต์ให้ใช้พัฟทาแป้งได้เลย
รองพื้นแป้งพัฟอีกรุ่นที่โด่งดัง มีสาว ๆ ผิวผสมหลายคนเลือกซื้อ เพราะเนื้อแป้งมีนวัตกรรมสูตรพิเศษ ช่วยควบคุมความมันได้ในระดับหนึ่ง พร้อมผสานกรดไฮยาลูรอนิค ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิวอย่างพอเหมาะ นอกจากนี้ยังปกป้องผิวจากมลภาวะด้วย SPF 23/Pa++ ผู้ที่ใช้จริงชื่นชอบสัมผัสที่เนียนนุ่มของเนื้อแป้ง ปกปิดได้ปานกลาง ไม่โบ๊ะ ได้ฟินิชลุคผิวแมตต์ กันน้ำกันเหงื่อ ติดทนนาน สามารถทาได้ทั้งใบหน้าเพราะไม่แมตต์หรือชุ่มชื้นจนเกินไป
ข้อเสียเล็กน้อย คือ มีเฉดสีให้เลือกค่อนข้างน้อย ไม่ครอบคลุมทุกสีผิว นอกจากนี้ยังไม่มี Refill สำหรับเติม หมดแล้วต้องซื้อทั้งตลับใหม่
แป้งผสมรองพื้นตลับม่วงถือเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่โด่งดังของแบรนด์นี้ ด้วยแป้งสูตร Mineral พัฒนาด้วยนวัตกรรมอณูแป้งรูปทรงคล้ายกุหลาบ ช่วยกระจายแสงให้กับใบหน้า ทำให้ดูเรียบเนียนเปล่งปลั่ง ผสานคุณค่าจากสารสกัดจากดอกกุหลาบพันปี ช่วยบำรุงผิวพรรณพร้อมเติมความชุ่มชื้น ปกป้องผิวจากรังสี UV ด้วย SPF 30/PA+++ นอกจากนี้ยังปราศจากน้ำมัน ใช้แล้วจึงอ่อนโยนต่อผิว
สาว ๆ ที่ใช้จริงชื่นชอบในการปกปิดสูง คุมมันได้ค่อนข้างดี กันน้ำกันเหงื่อ ติดทนนาน เฉดสีเข้ากับสีผิวคนไทย ที่สำคัญยังมีขายรีฟิลแยกให้เติมด้วย อย่างไรก็ตามใครที่ชอบความบางเบาแนะนำให้ใช้แปรงลงแทนพัฟนะคะ เพราะเนื้อแป้งค่อนข้างหนาเลยทีเดียว
รองพื้นใหม่ล่าสุดที่เป็นที่ฮือฮากันมากจากแบรนด์ Guerlain รองพื้นที่ขวดน่ารักขวดนี้มีดีมากกว่าแค่แพ็กเกจเก๋ ๆ (แต่อันที่จริงก็อยากได้เพราะแพ็กเกจก่อนเลย) ด้วยส่วนผสมที่มีสารบำรุงผิวอัดแน่น ผลิตด้วยวัตถุดิบจากธรรมชาติถึง 97 % จึงมอบความสมดุลให้ผิว ปกป้องผิวอย่างอ่อนโยน แม้ผู้ที่มีผิวบอบบางก็ใช้ได้ค่ะ
แม้เนื้อรองพื้นจะบางเบา แต่ช่วยปกปิดริ้วรอยหรือความบกพร่องของผิวได้เป็นอย่างดี เพราะเนื้อผลิตภัณฑ์ที่ช่วยให้ผิวหายใจได้ จึงสามารถลงได้หลายชั้นตามความต้องการโดยไม่รู้สึกเหนียวเหนอะหนะ อีกทั้งมี SPF 20 ช่วยดูแลผิวอีกด้วยค่ะ
สำหรับแป้งผสมรองพื้นราคาน่าคบหารุ่นนี้มีเทคโนโลยีช่วยกันน้ำกันเหงื่อ พร้อมผสานคุณค่าจากโปร-วิตามินซี ปรับสีผิวให้กระจ่างใส และเทคโนโลยีเม็ดสีธรรมชาติ เอกสิทธิ์เฉพาะของแบรนด์ ปกปิดข้อบกพร่องต่าง ๆ ได้ในระดับหนึ่ง นอกจากนี้ยังเสริมเกราะป้องกันให้ผิวด้วยค่า SPF32 PA+++
ผู้ที่ใช้จริงต่างรีวิวไว้ว่าเนื้อแป้งบางเบา ควบคุมความมันได้ดี ได้ฟินิชลุคผิวกึ่งแมตต์ สีเข้ากับโทนผิว ระหว่างวันไม่เป็นคราบ ติดทนนานตลอดทั้งวัน แพ็กเกจใช้งานสะดวก มีรีฟิลขายแยก
หนึ่งในรองพื้นเนื้อลิควิดระดับตำนาน แทบไม่มีสาวคนไหนไม่รู้จัก ด้วยเนื้อค่อนข้างเหลว เนียนลื่น เกลี่ยง่าย ให้การปกปิดสูงโดยสามารถเพิ่มเลเยอร์ได้ ได้ฟินิชลุคผิวกึ่งแมตต์อย่างเป็นธรรมชาติ ควบคุมความมันได้ดี ระหว่างวันสีไม่ดรอปและไม่เป็นคราบ นอกจากนี้ยังกันน้ำกันเหงื่อและติดทนนานตลอดทั้งวัน
อีกหนึ่งจุดเด่นที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือ ปราศจากส่วนผสมของน้ำหอมและน้ำมัน จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีสภาพผิวแพ้ง่ายด้วยค่ะ ส่วนเฉดสีก็มีให้เลือกมากมาย ครอบคลุมทุกสีผิวของคนไทย สำหรับรุ่นนี้แนะนำให้ใช้ฟองน้ำในการเกลี่ยนะคะ เพราะจะได้ลุคที่ไม่หนาจนเกินไป
ถ้าพูดถึงรองพื้นที่ให้การปกปิดสูงพร้อมควบคุมความมันได้ดีโดยไม่ทำให้ผิวหน้าเสียความชุ่มชื้นมากเกินไปจะต้องหนีไม่พ้นรุ่นนี้ค่ะ โดยรุ่นนี้เขาผลิตมาเพื่อสาวผิวผสมโดยเฉพาะ สาว ๆ ที่ใช้จริงต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเนื้อรองพื้นเนียนลื่น เกลี่ยง่าย แห้งไว ฟินิชลุคผิวค่อนข้างแมตต์ แถมยังกันน้ำกันเหงื่อ ระหว่างวันสีไม่ดรอป ไม่มีปัญหาเรื่องเยิ้มเป็นคราบและยังติดทนนานตลอดทั้งวัน
อีกหนึ่งคุณสมบัติที่สำคัญ คือ ปราศจากน้ำหอมและน้ำมัน พร้อมปกป้องผิวจากรังสี UV ด้วยค่า SPF 15 มีหลายเฉดสีให้เลือก ครอบคลุมทุกสีผิวของสาวไทย
สัมผัสสาวผิวผสมที่กลุ้มใจกับปัญหาเครื่องสำอางไม่ติดหน้า เรามีเคล็ดลับในการทารองพื้นมาฝากกันค่ะ
เคยไหมคะด้วยความกลัวหน้าจะดรอปหรือต้องการปกปิดกระ ฝ้า รูขุมขนมากไปหน่อย บางคนอาจจะโบกหน้าเอาไว้เสียหนาเตอะ แต่จริง ๆ แล้วยิ่งทาหนาเท่าไหร่รองพื้นก็จะยิ่งไหลย้อยมากองรวมได้มากเท่านั้น สำหรับคนผิวผสมโซนที่เป็นโซนผิวมันต้องเตือนตัวเองให้ทาบาง ๆ เข้าไว้อาจจะทาเป็นเลเยอร์บาง ๆ ซ้ำลงไป หรือว่าถ้าต้องการปกปิดมาก ๆ จริง ๆ แนะนำให้ทาคอนซีลเลอร์เสริมเข้าไป แล้วให้แป้งลงตามค่ะ
บริเวณที่เครื่องสำอางหลุดลอกง่ายอย่าง T Zone และ U Zone จำเป็นต้องบำรุงด้วยโลชั่น หรือครีมเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวก่อน หลังจากนั้นจึงลงมือแต่งหน้าโดยเริ่มจากการลงเมคอัพเบสแล้วค่อยตามด้วยรองพื้น
ตอนเย็นหลังจากล้างหน้าเสร็จ การมาส์กหน้าเพื่อเติมน้ำให้ผิวก็เป็นหนทางหนึ่งที่ช่วยไม่ให้ผิวหนังผลิตน้ำมันออกมามากเกินไปค่ะ แน่นอนที่สุดค่ะว่าถ้าผิวหน้าของเราเปล่งปลั่งชุ่มชื้นแล้วล่ะก็ จะแต่งหน้ายังไงก็สวยค่ะ
แม้ว่ารองพื้นสำหรับสาวผิวผสมโดยเฉพาะจะไม่ค่อยมีในท้องตลาด แต่เคล็ดลับการเลือกซื้อง่าย ๆ ที่วันนี้เรานำมาฝากกันก็จะช่วยให้คุณได้รองพื้นที่เหมาะกับตัวเองไม่ยาก เพียงแค่เลือกใช้แบบลิควิดลงบริเวณแก้มและแบบฝุ่นบริเวณ T Zone หรือถ้าใครไม่อยากซื้อรองพื้นซ้ำซ้อน แนะนำให้มองหารุ่นที่เนื้อไม่ข้นหรือไม่เหลวจนเกินไป ให้ฟินิชลุคแบบเวลเว็ทแทนดูนะคะ
สุดท้ายก่อนจะจากกัน สาว ๆ อย่าลืมเลือกเมคอัพรีมูฟเวอร์ที่คุณภาพดี อ่อนโยนต่อผิวหน้า เพื่อลดการขัดถูที่อาจก่อให้เกิดอาการระคายเคือง และบำรุงผิวหน้าอย่างสม่ำเสมอ ผิวของเราจะได้เรียบเนียนน่าสัมผัส ไร้ปัญหาใด ๆ ให้กลุ้มใจนะคะ